รีวิวซีรีส์ Start-up

รีวิวซีรีส์ Start-up อีกหนึ่งซีรีส์ที่จะทำให้ทุกคนติดใจอยู่ที่นี่แล้ว สตาร์ทอัพที่ติดแล้วไม่อยากหยุด แต่ก็ต้องหยุดเพราะภาค 5 ยังไม่มา ฮ่าๆ…เรื่องราวชีวิตของคนทำงานวัยทำงาน ที่มีความฝันและไฟลุกกับธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีความฝันอยากจะประสบความสำเร็จในซิลิคอนแวลลีย์ของเกาหลีที่เรียกว่า SAND BOX ซึ่งมีความหมายที่ซ่อนอยู่ในโลโก้และชื่อร้านว่า “แค่เล่นนะเด็กๆ” มันจะไม่เจ็บ แซนด์บ็อกซ์นี้จะดูแลคุณ”

เรื่องนี้มีตัวละครหลัก 4 ตัวที่เป็นตัวแทนคนสำคัญของคนหนุ่มสาวหลายคนที่อยากเปิดธุรกิจสตาร์ทอัพ เริ่มจาก ซอดัลมี (เบ ซูจี) หญิงสาวที่ฝันอยากเป็นสตีฟ จ็อบส์ ชาวเกาหลี พ่อแม่ของเธอหย่าร้างกัน พี่สาวเลือกที่จะอยู่กับแม่ของเธอ ส่วนเธอเธอเลือกที่จะอยู่กับพ่อและย่าของเธอ ละครเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยชะตากรรมของครอบครัวนี้ (ละคร SAND BOX เกี่ยวข้องกับพ่อของซอดัลมี) แม่ของซอดัลมี แต่งงานกับสามีใหม่ที่ร่ำรวย ส่งผลให้พี่สาวต้องเปลี่ยนชื่อจากซออินแจเป็นวอนอินแจ (คังฮันนา) และย้ายไปอยู่กับแม่ที่อเมริกา ความบาดหมางของพี่น้องซอดัลมีเข้าสู่โหมดเศร้า

คุณยายพบวิธีบรรเทาความเหงาของหลานสาวโดยถามฮันจีพยอง (คิมซอนโฮ) เด็กหนุ่มจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่คุณยายช่วย โดยให้เขาเขียนจดหมายถึงหลานสาวของตัวเอง เป็นเพื่อนทางจดหมายเมื่อคุณไม่มีใครอื่น โดยใช้ชื่อของนัมโดซาน (นัมจูฮยอก) นักเรียนที่ได้รับรางวัลอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนก็เติบโตขึ้นและมีความฝัน เรียกได้ว่าเป็นความฝันของคนหนุ่มสาวที่อยากจะเริ่มต้นธุรกิจ ดราม่าซับซ้อนเกิดขึ้นพร้อมไฟแห่งงานลุกโชน

ซอดัลมีมีงานพาร์ทไทม์มากมาย และไม่เคยได้รับการว่าจ้างให้เป็นลูกจ้าง Namdosan เป็นเจ้าของ Samsan Tech แต่บริษัทไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้พบกับซอดัลมีซึ่งเขาถือว่าเป็นรักแรกของเขา มันทำให้เขาอยากเปลี่ยนความเข้าใจผิดของซอดัลมีให้กลายเป็นความจริง วอนอินแจเป็นประธานของบริษัทพ่อเลี้ยงของเขา แต่บริษัทไม่มีแม้แต่ชัยชนะแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้ทั้งสามคนต้องการพิสูจน์ตัวเองด้วยการเริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพที่ SAND BOX อย่างฮันจีพยองที่เริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพด้วยความหวังที่จะตอบแทนบุญคุณ จนกลายเป็นหัวหน้าทีมที่ SH Venture Capital และถูกเรียกว่า Gordon Ramsay แห่งวงการการลงทุน

พล็อตดี บทเลิศ ทันสมัยและจุดไฟสุด ๆ รีวิวซีรีส์ Start-up

รีวิวซีรีส์ Start-up สำหรับใครที่ไม่รู้จักธุรกิจสตาร์ทอัพ สรุปง่ายๆ ก็คือธุรกิจของคนมีไอเดีย ส่วนใหญ่จะอยู่ในสายไอทีทำแอพพลิเคชั่น หรือประดิษฐ์สิ่งที่เป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบสิ่งนี้และสิ่งนั้น เป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดดอย่าง Facebook ที่เคยสตาร์ทอัพมาก่อน การเข้าสู่ Silicon Valley ก็เหมือนกับการเปิดสมอง โชว์สินค้า เปิดแผนธุรกิจให้กับนักลงทุน ต่างๆในนั้น เลือกลงทุนกับเรา จะมีการแข่งขันจะมีบททดสอบให้ผ่าน ประเมินความเสี่ยง ความน่าจะเป็นในการทำกำไร เราสามารถปั้นมันได้หรือไม่? ในสคริปต์ของซีรีส์เราเข้าใจธุรกิจประเภทนี้ได้ง่ายมาก ว่ากันว่าเคี้ยวแล้วพร้อมกลืนและย่อย

ซีรีส์มีดราม่าใหญ่และความทันสมัยตั้งแต่ต้นเรื่อง พ่อนางเอกมีไอเดียอยากทำสตาร์ทอัพจึงตัดสินใจลาออกจากบริษัท มุ่งมั่นที่จะนำเสนอไอเดียที่นักลงทุนยินดีลงทุน และกำลังจะประสบความสำเร็จ เขาซื้อมันไปแล้ว แต่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น ณ จุดนี้ฉันพูดในใจว่า “ไม่ ไม่ อย่า อย่าเป็นแบบนี้ ฉันรู้สึกเสียใจกับอาป้ามาก แต่ก็แค่นั้น” ถ้าซีรีย์เกาหลีไม่มีละครแบบนี้คงไม่อกหักใช่ไหม?

บทนี้ดำเนินต่อไปด้วยชีวิตอันน่ารังเกียจของซอดัลมี ซึ่งแตกต่างจากวอนอินแจพี่สาวของเธออย่างมาก จนอยากจะตบตาแล้วพูดว่า “เฮ้!! ชีวิตฉันประสบความสำเร็จและมีความสุขมาก การเลือกอยู่กับพ่อคือตัวเลือกที่ถูกที่สุด ฉันคุยโวมากว่าฉันมีแฟน แล้วก็คือนัมโดซันนั่นเอง” ที่เขียนจดหมายคุยกัน ชีวิตดี๊ดี เขายังรับคำท้าว่าจะไปร่วมงานธุรกิจที่พี่สาวบอก ถ้าพูดจริง ก็มางานนี้ทั้งๆ ที่ ไม่เคยพบกับ Namdosan ในชาติที่แล้ว เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้ Han Ji Pyung ตอบแทนน้ำใจของคุณยาย โดยตามหา Namdosan ที่สวมรอยเป็นคนในจดหมาย ละครรักจึงเกิดขึ้นเมื่อ Nam Do San แอบชอบ Seo Dal จริงๆ มิและต้องการพิสูจน์ตัวเองด้วยการเริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพ

สาระดีแบบจุดไฟฝัน

ตัวละครซอดัลมีคือใคร บงหรือเปล่า? ฉันยังคงสับสน เอาเป็นว่าเธอเป็นคนไม่ใส่ใจสื่อเลย คิดจะนั่งหัวเราะที่ป้ายรถเมล์เธอก็ทำ ถึงส้นเท้าแตกก็เดินต่อได้ เขามีเสียงหัวเราะมากมาย เขาเป็นคนฉลาด มีความคิดที่ดี มีความเป็นผู้นำแต่โชคไม่ดี พบกับนัมโดซาน ผู้ที่เก่งด้านการพัฒนาโปรแกรม มีไอคิวสูง แต่ไร้เดียงสาและขาดความเป็นผู้นำ แต่เพราะพวกเขาหล่อมาก น่ารักมาก และซื่อสัตย์จริงๆ ป้าข้างบ้านจึงพร้อมจะให้อภัยเสมอ ฮ่าๆ..สองคนนี้หัวเราะออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก พวกเขาเป็นตัวแทนที่บอกเราชัดเจนว่าคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบ คนที่ถือว่ามีความสามารถอาจจะด้อยกว่าในบางด้านและคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ อาจเป็นเพราะเขาขาดโอกาสในการแสดงศักยภาพของเขารีวิวซีรีส์ Start-up

เนื้อหาของเรื่องนี้บอกเลยว่าพราวมาก อุดมด้วยไอเดีย เรียกได้ว่าเป็นไอเดียและไฟในใจที่พร้อมจะมอดไหม้ เป็นความฝันที่สามารถทำให้เป็นจริงได้หากมีการวางแผนที่ดี จงดูมันอย่างมีสติ นี่คือความรู้ผสมผสานกับความบันเทิงอย่างกลมกลืน สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ที่มีความฝันได้ลองเป็นเจ้าของธุรกิจสักครั้งด้วยหัวใจที่มีความสุขและรู้สึกว้าวกับสตาร์ทอัพหลายรายที่ผ่านไปแล้ว และเพิ่มบทบาทให้พ่อนางเอก พ่อพระเอก ฯลฯ ให้คิดว่าเขาเป็นผู้พัฒนา มีความสำเร็จของโค้ชผู้ยิ่งใหญ่อย่างฮันจีพยองเป็นตัวอย่าง เป็นบทบาทที่กลมกล่อมที่สามารถสัมผัสและเชื่อมโยงได้อย่างง่ายดาย

ซีรีส์นำความอบอุ่นมาสู่ภูมิหลังครอบครัวของแต่ละคน น่ารัก และเข้าถึงได้ ซอดัลมีเติบโตขึ้นมาโดยไม่ได้ร่ำรวยเท่ากับพี่สาวของเธอ แต่ความอบอุ่นที่ฉันได้รับจากคุณยายนั้นล้นหลาม คุณยายสนับสนุนความรู้สึกของฉันตลอดเวลา ความรักจากคุณยายที่มีน้ำใจต่อคนที่ไม่รู้จักเธอ ทำให้คุณภาพชีวิตดูเหมือนขาดแต่ก็ไม่ขาดเลย ฉันมั่นใจว่าทุกคนที่ดูเรื่องนี้จะต้องหลงรักยายของซอดัลมีอย่างแน่นอน

ยังมีความสัมพันธ์อันน่ารื่นรมย์ระหว่างอันยาและฮันจีพยองอีกด้วย ฉันต้องบอกว่าความรักของฉันมีต่อมนุษย์ พวกเขาไม่ใช่ญาติกัน พวกเขาเป็นเหมือนญาติของคู่นี้ พวกเขาซาบซึ้ง น่ารัก และเฮฮาจนอยากจะดูฉากของคุณยายและฮันจีพยองบ่อยๆ และฮันจีพยองเป็นตัวอย่างของคนที่สามารถประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อด้วยตัวเธอเอง ประหลาดใจ (ฮีเป็นเด็กกำพร้า) หรือแม้แต่ครอบครัวของนัมโดซาน ที่พ่อแม่หวังและหวังอีกครั้ง แต่เขามักจะออกไปเที่ยวกับลูกชายที่มีพรสวรรค์เสมอ ได้รับการถ่ายทอดอย่างอบอุ่น ให้ความรู้สึกเป็นครอบครัวที่เรียบง่ายตามสังคมครอบครัวเกาหลี ความรักที่ท่วมท้นชัดเจนออกมาจากบริบทของพ่อแม่ แม้แต่วอนอินแจและแม่ของเขา ยังมีฉากความรักที่แม่มีต่อลูกอีกด้วย จนมุมยิ้มน่ารักๆ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นทีละน้อย

บทความที่เกี่ยวข้อง