รีวิวหนัง Life of Pi

รีวิวหนัง Life of Pi ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือขายดีชื่อเดียวกันของยาน มาร์เทล บอกเล่าเรื่องราวของหนุ่มอินเดียชื่อ Pai Patel ผู้รอดชีวิตจากเรืออับปาง โดยอาศัยอยู่ในเรือชูชีพเป็นเวลา 227 วันกับสัตว์ทุกชนิดรวมถึงเสือโคร่งเบงกอลยักษ์ Pi ต้องใช้ความรู้ไหวพริบและศรัทธาทั้งหมดที่มีเพื่อเอาตัวรอดและอยู่อย่างโดดเดี่ยวกับสัตว์ร้ายตัวนี้ เนื้อหาของภาพยนตร์แตกต่างจากหนังสืออย่างสิ้นเชิง ในมุมสว่าง ลองเล่าเรื่องตามข้อเท็จจริง พิจารณาเรื่องเล่าทางศาสนาที่ดูเหมือนละเอียดอ่อนต่อจิตใจของมนุษย์ผสมกับความเชื่อเบื้องต้น โดยสรุปเนื้อหาที่ทรงพลังมากมาย ตลอดทั้งเรื่อง หนังให้คนดูอย่างผมตื่นเต้น ตื่นเต้น สิ้นหวัง ประหลาดใจ และสะเทือนอารมณ์ตลอดการเดินทางของพระเอก ในหลาย ๆ ด้านมันทำให้เราเห็นโลกจากมุมมองที่กว้างขึ้น

ซูราจ ชาร์มา นักแสดงผู้ซึ่งลีเลือกให้รับบทนำในปาย พิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวเลือกที่ผิด และหนุ่มคนนี้ก็สู้สุดใจ Hit the Break คือคนที่ต้องผจญกับความยากลำบากกลางมหาสมุทร การแสดงอินเนอร์ที่ทรงพลังโดยเฉพาะฉากที่ต้องอยู่กับเสือ อีร์ฟาน ข่าน เข้ามาเป็นคนสุดท้าย แต่โชคไม่ดีที่เขาลงเอยด้วยการเล่นเป็นพายชิ้นใหญ่ บทบาทในส่วนการออกแบบงานสร้างของภาพยนตร์มีไม่มากนักที่มีรายละเอียดทั้งงานภาพ เลือก CG เพื่อทำให้เรื่องราวของคุณน่าสนใจและสวยงามยิ่งขึ้น ผู้กำกับเล่าเรื่องดีและใส่ใจทุกรายละเอียด CG ยักษ์ของเสือโคร่งเบงกอลที่กำลังเคลื่อนไหว จากคอมพิวเตอร์มีความประหลาดใจคล้ายกับของจริงมาก เมื่อภาพเข้าใกล้หน้าจอภาพยนตร์ มันน่าประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่อรู้ว่าชาร์มาไม่เคยอยู่ในกองถ่ายกับเสือตัวเดียวในระหว่างการถ่ายทำ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในงานจริง ๆ ไม่แปลกใจเลย life of pi รีวิว

วิจารณ์หนัง รีวิวหนัง Life of Pi

รีวิวหนัง Life of Pi เป็นมากกว่าแค่เด็กผู้ชายและเสือที่พยายามเอาชีวิตรอด ทั้งยังบอกเล่าเรื่องราวชีวิตและความศรัทธาด้วยภาพที่วิจิตรงดงาม นอกจากนี้ยังทิ้งท้ายด้วยประเด็นที่นุ่มนวล ชัดเจน ตรงไปตรงมา แต่มีความหมายลึกซึ้งและสะท้อนถึงความเชื่อทางศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว หรือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต พี่เป็นคนเคร่งศาสนา พ่อบอกตรงข้ามตลอด แต่พี่เอง นับถือทั้งสามศาสนา ถึงกระนั้น เขาเชื่อในการตั้งคำถามและความอยากรู้อยากเห็น แม้ว่าพฤติกรรมนี้จะเหมือนเป็นการกล่าวหาว่าคุณไม่เชื่ออะไรจริงๆ

หลังจากนั้นปายก็มีบททดสอบครั้งใหญ่ในชีวิต เรือโดยสารที่ครอบครัวอพยพมาจากอินเดียจมลง เขาเป็นมนุษย์คนเดียวที่รอดชีวิตในเรือชูชีพ ไม่นับสัตว์ที่รอดชีวิตเพียงบางส่วนอื่นๆ ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายที่อยู่กับเขาคือเสือโคร่งเบงกอลชื่อ Richard Parker ฉันเคยเป็น แต่สัตว์ที่ได้รับการสอนจึงมีจิตใจที่แตกต่างจากเรา ไม่น่าเชื่อและเป็นความผิดของ Richard Parker เองที่ทำให้ Pie มองเห็นด้านมืดของชีวิตและความจริงของโลก

ตั้งแต่เริ่มต้น Life of Pi มุ่งเน้นไปที่การเล่าเรื่อง เรารู้จักชีวิตของปายจากปากคำของเขาเอง จากที่มาของชื่อ อาจดูยาวและไม่น่าสนใจ แต่ก็เป็นรากฐานสำหรับเรื่องราวของตัวละครที่แข็งแกร่งและแตกต่าง และเมื่อมาถึงที่สุด เราก็รู้ว่าเราไม่สามารถ ตัดเรื่องพวกนี้ลง คุณสามารถเข้าใจเรื่องราวได้อย่างกระชับในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของเรื่อง ราวกับว่าเรื่องราวหลุดเข้ามาในหัวของเราอย่างง่ายดาย

เมื่อเรื่องราวต้องเอาชีวิตรอดกลางมหาสมุทรก็ต้องเรียกว่า วางแผนเรื่องราวของคุณและทำให้เป็นจริง การกระทำและแนวคิดของตัวละครนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เรียกได้ว่ามีรายละเอียดที่สมจริงทำให้เรื่องราวน่าติดตามและเคลื่อนไหวกว่าที่เคย เพราะคงไม่มีใครคาดคิดว่าการอยู่ร่วมกับเสือในเรือกลางมหาสมุทรจะเป็นอย่างไร life of pi เรื่อง จริง

ชีวิตอัศจรรย์ กลางทะเล

Life of Pi ไม่ใช่แค่เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายและเสือที่พยายามเอาชีวิตรอดเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องราวของชีวิตและศรัทธาในภาพที่สวยงามอีกด้วย นอกจากนี้ยังจบลงด้วยการนำเสนอประเด็นที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาแต่มีความหมายที่ลึกซึ้งและนุ่มนวลกว่าซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อทางศาสนาและพระเจ้า

ตั้งแต่แรกเห็นภาพ ปาย หรือ พศิน หนุ่มอินเดีย เรื่องราวมากมายในชีวิตของเขาเอง ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ ครอบครัว หรือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต ปิเป็นคนเคร่ง ศาสนา , ปายเองก็มีความเชื่อ ความสงสัย และความอยากรู้ในขณะที่นับถือทั้งสามศาสนา เหมือนเป็นการกล่าวหาว่าจริง ๆ แล้วเขาไม่เชื่ออะไรเลย

จากนั้น Pi ก็เผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต ชายผู้โดดเดี่ยวเมื่อเรือที่เขาและครอบครัวเดินทางจากอินเดียไปยังอีกที่หนึ่งเกิดอับปาง ไม่นับรวมสัตว์อื่นๆ ที่รอดชีวิตเพียงบางส่วนในเรือชูชีพ ก่อนที่ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจะอยู่กับเขาคือเสือเบงกอลชื่อ Richard Parker

Richard Parker เป็นเสือโคร่งเบงกอลในสวนสัตว์ที่ดูแลโดยครอบครัวของ Pi และก่อนหน้านี้ Pi เคยต้องการผูกมิตรกับเสือโคร่งเบงกอล แต่เราถูกสอนว่าสัตว์ที่มีความคิดแตกต่างจากเรา เหลือเชื่อ และเพราะริชาร์ด ปาร์คเกอร์เป็นคนทำพายเอง ค้นพบด้านมืดของชีวิตและเปิดเผยความจริงของโลก

Life of Pi เน้นการเล่าเรื่อง จากจุดเริ่มต้นเรารู้ชีวิตของพาย จากปากคน จากที่มาของชื่อ ดูเหมือนยาว และไม่น่าสนใจ แต่มีเรื่องราวต่างๆ แต่มีพื้นฐาน เมื่อเรื่องราวของตัวละครจบลงอย่างหนักแน่น ชัดเจน และรัดกุม เราก็รู้ว่าเรื่องราวเหล่านั้นไม่สามารถตัดทอนได้และทำให้เราเข้าใจเรื่องราวได้อย่างกระชับ เมื่อถึงจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง ราวกับว่าเรื่องราวกลับเข้ามาในหัวของคุณ อย่างง่าย

เรื่องราวของการเข้ามาเอาชีวิตรอดกลางมหาสมุทรนั้นต้องเรียกว่าเป็นการปูทางและนำเสนอได้อย่างแนบเนียน ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมหรือแนวคิดของตัวละคร พวกเขาเป็นขั้นเป็นตอนหรืออีกนัยหนึ่งคือมีรายละเอียดที่สมจริง ดำเนินเรื่องให้น่าสนใจกว่าเดิม เพราะคงไม่มีใครคาดคิดว่าการอยู่ร่วมกับเสือบนเรือกลางมหาสมุทรจะเป็นอย่างไร

มีการทดสอบครั้งใหญ่ที่ Pi ต้องเผชิญนอกเหนือจากการเอาชีวิตรอดและเรื่องราวแห่งศรัทธาในพระเจ้า ศาสนาก็เช่นกัน แต่ผมไม่พูดใส่ร้าย ผมแค่ตั้งคำถาม คาดหวังจะได้คำตอบ คำตอบที่เราไปถึงไม่มา เรามองเห็นชัดเจน แต่ค่อยๆ ผ่านเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เราต้องเผชิญ คำตอบทั้งหมดสำหรับคำถามที่เปิดเผยจะถูกเปิดเผยรีวิวหนัง Life of Pi

ในตอนท้ายของเรื่องหนังเปิดเผยเนื้อหาของมัน มันเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับมุมมองของผู้ชม ราวกับว่าเมื่อ Pai รอดมาได้ เขาก็เล่าเรื่องราวให้สารวัตรชาวญี่ปุ่นฟัง เมื่อวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้ว เรื่องราวของ Pai ก็ไม่น่าเชื่อ พูดเหมือนหลอกลวง ไม่น่าเชื่อถือ ชายอีกคนหนึ่งซึ่งนั่งฟังอยู่ก็เปิดปากถามว่า “ท่านทำอะไร” ฝ้ายตอบด้วยสีหน้าว่างเปล่า เขาเล่าเรื่องที่แตกต่างออกไป

การเล่าเรื่องอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเหมือนจริงอย่างน่าสะพรึงกลัวและเต็มไปด้วยความทุกข์และความปวดร้าวแม้จะแสดงราวกับว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาก็ตาม ตามที่นักวิจัยเชื่อ แต่น้ำตาที่ร่วงหล่นจากดวงตาดูเหมือนจะเปรียบเทียบเรื่องราวทั้งสองที่บอกเล่า ซึ่งเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจริง บางอย่างก็ชัดเจนขึ้น สัตว์ในเรื่องมีไว้เพื่อเป็นตัวแทนของคนต่างๆ เช่น เสือโคร่งเบงกอลอย่างริชาร์ด คุณสามารถแทนที่ parker pie ได้

สัญชาตญาณของสัตว์ป่า ความโหดร้าย และการเอาชีวิตรอดที่มนุษย์ทุกคนมีอยู่ในนั้น ไม่ใช่แค่ธรรมชาติและโชคชะตาที่ Pi ต้องต่อสู้ แต่ยังรวมถึงตัวเขาเองด้วย

 ริชาร์ด พาร์กเกอร์

การทดลองครั้งยิ่งใหญ่ที่ปายต้องเผชิญ มีเรื่องราวที่ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเชื่อในพระเจ้าและศาสนาด้วย แต่ไม่เคยบอกเล่าในทางที่น่ารังเกียจและเป็นการหมิ่นประมาท ค่อนข้างแปลกประหลาดเพื่อหวังว่าจะได้รับคำตอบ เพียงแค่ถามคำถาม แม้คำตอบที่ให้มาไม่ถึงเราก็ได้เห็นแจ่มแจ้งแล้ว แต่ทุกคำตอบของคำถามจะค่อยๆ บอกเล่าผ่านเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เราต้องเผชิญ

ในตอนท้ายของเรื่อง ภาพยนตร์เผยให้เห็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับผู้ชม ราวกับว่าเมื่อปายรอดชีวิตมาได้เขาก็เล่าเรื่องนี้ให้นักสืบชาวญี่ปุ่นฟัง เมื่อวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้ว เรื่องราวของพายก็ไม่น่าเชื่อ เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเหมือนนิยาย ถามชายอีกคนหนึ่งที่กำลังฟังอยู่ คุณทำอาชีพอะไร ฝ้ายตอบ หน้าตาเฉย เล่าคนละเรื่อง

อีกอย่างคือสมจริงอย่างน่าสะพรึงกลัว เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดแม้ว่าคุณจะทำตัวเหมือนเขา แต่การเล่าเรื่องซ้ำนั้นเป็นเพียงเรื่องแต่งที่ผู้วิจารณ์เชื่อ แต่น้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของเขาดูเหมือนจะเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วจริงๆรีวิวหนัง Life of Pi

การเปรียบเทียบเรื่องราวทั้งสองที่เล่าทำให้บางสิ่งชัดเจนขึ้น สัตว์ต่างๆ ในเรื่องเป็นตัวแทนของตัวละครต่างๆ รวมถึงริชาร์ดเสือโคร่งเบงกอล Parker สามารถแทนที่ด้วยพายได้ มนุษย์ทุกคนมีสัญชาตญาณของสัตว์ป่า ความโหดร้ายและการเอาชีวิตรอด ธรรมชาติและชะตากรรมไม่ใช่สิ่งเดียวที่ Pi ต้องต่อสู้ อย่างไรก็ตาม Richard Parker ถูกแทนที่ด้วยตัวเขาเองที่นี่ Richard Parker เป็นสัตว์ร้ายที่ทำให้เขารู้จักด้านมืดของชีวิต ว่ากันว่าสัตว์ป่าไม่เคยเป็นมิตรกับเรา และจากที่เราได้เห็นในเรื่องก็เป็นความจริง จนถึงตอนจบ Pi และ Richard Parker ทำได้เพียงแค่ย้ายเข้ามาในฐานะผู้อยู่ในอุปการะเท่านั้น ก้าวเข้าไปข้างใน

บทความที่เกี่ยวข้อง